ทฤษฎีดนตรี…เรียนไปทำไม !?
“เรียนไปทำไม ไม่ได้ใช้สักหน่อย วุ่นวาย เยอะ”
คงเป็นคำถามในใจของใครหลายคนที่เรียนดนตรีไม่ว่าจะเรียน เพื่อเป็นงานอดิเรก คลายเครียด หรือกระทั่ง เรียนจริงจังเพื่อเข้าวิทยาลัยดนตรี ไปจนถึงประกอบอาชีพ “นักดนตรี”
ครั้งนี้ผมจะมาเล่าถึง 5 เหตุผลว่าทำไม เราถึงต้องมีความรู้ทางทฤษฎีดนตรีติดตัวไว้ใช้ประกอบกับการเล่น หรือ เรียนดนตรีของเรากันนะครับ
ช่วยในเรื่องความคิดสร้างสรรค์
หลายคนเชื่อว่าทฤษฎีดนตรีนั้น เป็นอะไรที่เข้าถึงยาก ซับซ้อน หรือ เห็นกฏหลายๆข้อแล้วคิดไปเองว่ามันเป็นกรอบสำหรับอิสระในการใช้ความคิดสร้างสรรค์
“คนที่รู้จักกฎ หรือ หลักการต่างหากที่สามารถประยุกต์เพื่อใช้กฎเหล่านั้นให้เหมาะสมกับตนเอง”
การที่มีความรู้พื้นฐานนั้นจะช่วยให้นักดนตรีสามารถที่จะ “แหกฏ” เดิมจากที่เคยมีมา และยังจะช่วยให้เกิด ไอเดียสร้างสรรค์ใหม่ๆเช่น ทำนอง, คอร์ด หรือ ทางเดินคอร์ดที่เรียกกันว่า Chord Progression หรือแม้ว่าจะคิดผสม Scale หรือ บันไดเสียง เพื่อให้สีสันของสำเนียงเพลงมันมีความน่าสนใจขึ้นก็ตาม
ทฤษฎีดนตรีจะช่วยให้เข้าใจว่าเรากำลังเล่นอะไรอยู่
มันเป็นเรื่องดีที่เราเล่นดนตรีได้โดยสัญชาตญาณ หรือ ความเคยชิน ซึ่ง ทฤษฎีดนตรีไม่ได้มาแทนที่ทักษะการแกะเพลงหรือการจำในส่วนนั้น แต่มันจะช่วย Support ในเรื่องขององค์ประกอบอื่นๆในเพลงๆนั้นที่เราเล่นแบบคู่ขนานกันไป
เพราะฉะนั้นการรู้พื้นฐานทฤษฎีดนตรีนั้นมันช่วยให้เราเข้าใจการเล่นดนตรีของเราได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ทำให้เราสามารถไปแจม หรือ สื่อสารกับนักดนตรีคนอื่นๆได้
ไม่ว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของวง หรือ มาเล่นแจม(ร่วม)กับนักดนตรีคนอื่น จะมีเรื่องให้ต้องปรับเข้าหากันในหลายๆอย่าง ซึ่งหากไม่มีความรู้ทฤษฎีดนตรีเลยอาจเป็นอุปสรรคได้
เล่น Key อะไร? Chord progression/sequence แบบไหน?
ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่นักดนตรีจะพบเจอในสถานการณ์จริง
ประหยัดเวลาในการหัดบทเพลงใหม่
การที่เราคุ้นเคยกับการอ่านโน้ต, หน้าที่ หรือ บริบทของโน้ต, คอร์ด, ฟอร์ม และ อื่นๆนั้น จะช่วยทำให้เราเข้าใจและจดจำบทเพลงได้ดีขึ้น
จะทำให้เราจัดระบบความคิดและเรียบเรียงบทเพลงให้เห็นเป็นรูปร่างที่ชัดเจน
จนสุดท้ายเราจะสามารถเข้าถึงตัวบทเพลงได้ลึกซึ้งรวมถึงเก็บรายละเอียดต่างๆที่แทรกซ้อนอยู่ในตัวบทเพลงได้ชัดเจน และ แม่นยำมากยิ่งขึ้น
ทำเพลงเป็นของตัวเอง
แน่นอนว่าในฐานะที่เราเล่นดนตรี จากเพราะชอบ หรือ หลงใหลในความเป็นดนตรี ในเบื้องต้นนั้นเราเริ่มศึกษาจากบทเพลงที่มีมาอยู่แล้วจากนักประพันธ์เพลงท่านอื่นเพื่อเป็นการฝึกซ้อม Skill ไปพร้อมๆทำความคุ้นเคยกับ Musical Language และพอถึงในจุดที่เราฝึกฝน เรียนรู้มาสักระยะก็อาจเริ่มจะมีความคิดที่อยากมีผลงานเพลงเป็นของตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่าต้องอาศัยทักษะและประสบการณ์เพื่อขัดเกลาฝีมือให้ดีขึ้นไป
ทั้งเรื่องการเขียนโน้ต การจัดเรียง Form และ เทคนิคอื่นๆ
แต่ถ้ามี “เครื่องมือ” ที่ชื่อว่า “ทฤษฎีดนตรี” มาช่วยนั้นจะทำให้เราพัฒนาตนเองได้ถูกทางและรวดเร็วยิ่งขึ้น
แน่นอนว่ายังมีอีกในหลายๆบริบทที่ทฤษฎีดนตรีเข้ามามีส่วนช่วยในงาน ไม่ว่าจะเป็น การเล่น การเรียน การเรียบเรียงเสียงประสาน หรือที่เห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นคือการวิเคราะห์บทเพลง และ อื่นๆ เพราะฉะนั้นแล้วการที่เราจะหาความรู้เกี่ยวกับ “ทฤษฏีดนตรี” ไว้จะเป็นประโยชน์ และ ช่วยให้เราพัฒนาฝีมือให้ดีขึ้นไปอย่างแน่นอน
ส่วนใครยังไม่เคยอ่าน เทคนิคการวางมือ ก็สามารถเข้าไปตามอ่านกันได้นะมันจะช่วยให้พวกเราเล่นเปียโนได้ง่าย และ สบายมากขึ้น และก็อย่าลืมติดตามอ่านบทความต่อๆไปกันด้วยล่ะ
เล่นดนตรีให้สนุกและมีความสุขกันนะครับ